วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"ปุ่ม" ของ iPhone กับความสามารถต่างๆ

ร้านควนเนียงคอมพิวเตอร์ช็อปแอนด์เซอร์วิส ( ข้างเซเว่นอีเลฟเว่น )
โทร :: 0858933445
LINE : itmobile319
Facebook Page : https://goo.gl/UIefxU

หรือค้นหา :: Kncomshop
www.kncomshop.com

ถึงแม้ว่า iPhone จะใช้วิธีการสั่งการ ผ่านหน้าจอสัมผัสเป็นหลัก แต่หลายคนอาจจะมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ ที่ใช้บนโทรศัพท์มือถือมานานนับ 10 ปี อย่าง "ปุ่ม" ของ iPhone ไป ว่าเจ้าปุ่มเล็ก ๆ ที่มีเพียงไม่กี่ปุ่มรอบตัวเครื่อง จะมีความสามารถบางอย่างซ่อนอยู่ โดยที่เราคาดไม่ถึงว่า การสั่งการบางอย่าง ต้องทำด้วยปุ่มเท่านั้น


"หลายคนหาไม่เจอว่าจะตัดสายทิ้งอย่่างไร..."
ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่า "ปุ่ม" ของ iPhone นั้นทำอะไรได้บ้างกันดีกว่า



เริ่มที่ปุ่มแรก ถือเป็นหัวใจหลักของเครื่องเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเปิดกล่อง iPhone ขึ้นมา เราจะเห็นปุ่มนี้เป็นปุ่มแรก
เจ้าปุ่มกลม ๆ บริเวณใต้หน้าจอ ที่มีชื่อว่า "ปุ่มโฮม"

หากกดปุ่มโฮม 1 ครั้งขณะที่จอดับ จะเข้าสู่หน้าจอปลดล็อค


กดปุ่มโฮม 1 ครั้งขณะอยู่ในโปรแกรมต่าง ๆ เพื่อออกจากโปรแกรม (รูปกลาง) กดอีกครั้งเพื่อไปหน้า Spotlight (รูปขวา)


ปกติใช่ไหมล่ะครับ เป็นปุ่มที่ทุกคนใช้กันอยู่ตลอดทุกวัน แต่หลายคนยังไม่รู้หรอกว่า...

กดปุ่มโฮม 1 ครั้งในหน้าจอโทรศัพท์ เพื่อใช้งานโปรแกรมอื่นขณะโทรศัพท์ได้

เมื่อกดออกไปแล้ว เราสามารถโทรศัพท์ไปพร้อมกับทำอย่างอื่นไปได้ เช่น บันทึกเบอร์โทรในสมุดโทรศัพท์, ดูนัดหมายในปฏิทิน
หรือแม้แต่เข้าเว็บเพื่อหาข้อมูลขณะที่ยังโทรศัพท์อยู่ได้ด้วย (ขึ้นอยู่กับเครือข่ายว่ารองรับหรือไม่) โดยเราสามารถแตะที่แถบแดงๆ ด้านบน เพื่อกลับเข้าสู่หน้าจอโทรศัพท์ได้


นอกจากการกด 1 ครั้งแล้ว หากกดปุ่มโฮม 2 ครั้งติดกัน ก็จะได้ความสามารถอื่นด้วยเช่นกัน อันได้แก่

กดปุ่มโฮม 2 ครั้งที่หน้าปลดล็อค เพื่อเรียกแถบควบคุมเพลงขึ้นมา


กดปุ่มโฮม 2 ครั้งในทุกหน้าจอที่กำลังใช้งาน เพื่อเรียกแถบโปรแกรมที่ใช้ล่าสุด



ปุ่มเปิด/ปิด หรือ นอนพัก/ตื่น (Sleep/Wake)





มาดูต่อที่ด้านบนของเครื่อง "ปุ่มเปิด/ปิด" หรือ "ปุ่มนอนพัก/ตื่น" (Sleep/Wake) ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ แต่บริษัทผู้ผลิต iPhone อย่าง Apple เรียกชื่อปุ่มนี้แบบนี้จริง ๆ
สำหรับปุ่มนี้ ความสามารถที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วเลยคือ กดค้างไว้จนขึ้นแถบปิดเครื่อง (รูปกลาง) แล้วเลื่อนเพื่อเปิด/ปิดเครื่อง (รูปขวา)




Tip สำหรับมือใหม่: iPhone ไม่จำเป็นต้องปิดเครื่องทุกครั้ง เพียงแค่ดับหน้าจอไว้ก็พอ โดยกดปุ่มเปิด/ปิด ทีเดียวเบา ๆ
การดับหน้าจอเพื่อประหยัดแบตเตอรี ทำได้โดยกดปุ่มเปิด/ปิด 1 ครั้ง




แต่ความสามารถของปุ่มนี้ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะขณะที่มีสายเรียกเข้า ปุ่มนี้ช่วยให้เราสั่งการบางอย่าง ที่เป็นความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์ได้ ได้แก่
กด 1 ครั้งในหน้าจอสายเข้า เพื่อตัดเสียงเรียกเข้า เหมาะกับเวลาอยู่ในห้องประชุม หรือห้องเรียนหรือ กด 2 ครั้ง เพื่อตัดสายเรียกเข้าทิ้งไปเลย โดยไม่ต้องกดรับสาย

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธี Update Firmware และ Restore ตอน 3 (จบ)


Update กับ Restore ต่างกันอย่างไร





การ Update เหมือนการใส่ตัวระบบใหม่เข้าไป โดยที่ข้อมูลทุกอย่าง ยังคงอยู่เหมือนเดิมในเครื่อง
แต่การ Restore คือการล้างเครื่อง iPhone ของเราใหม่ แล้วติดตั้งระบบเข้าไป เหมือนเวลาที่ซื้อเครื่องมาครั้งแรกนั่นเอง
การ Restore ควรทำต่อเมื่อ เครื่องมีปัญหา รวนบ่อย โปรแกรมค้างบ่อย ฯลฯ เป็นการทำให้ระบบเครื่องสะอาดขึ้น
การ Backup ก่อนทำการ Restore
เราแนะนำให้ Sync ข้อมูล กับ iTunes เป็นประจำ เพื่อสำรองข้อมูลเก็บไว้


การสำรองข้อมูล iTunes จะจัดการให้เราเองทุกอย่าง เมื่อมีการ Sync ข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรูปถ่ายจากกล้อง, โปรแกรม, เซฟเกม, การตั้งค่า, รายชื่อผู้ติดต่อ, SMS, ตารางนัดหมายในปฏิทิน ฯลฯ







มีเพียงเพลง, วิดีโอ, หนังสือ, Ringtone และรูปภาพจากคอมพิวเตอร์เท่านั้น ที่ iTunes จะ Sync ให้ใหม่ หลังจากทำการ Restore
สามารถอ่านข้อมูลอย่างละเอียดของการ Backup ได้ที่ "วิธีการ Backup ข้อมูลใน iPhone"
***ควรอ่าน หากทำการ Restore เองเป็นครั้งแรก เพื่อสำรองข้อมูลเก็บไว้ก่อนการ Restore ข้อมูลจะได้ไม่สูญหาย

ขั้นตอนการ Restore (อย่าลืม Backup ข้อมูลก่อน)

หากเรามั่นใจแล้วว่า ได้ทำการ Backup ข้อมูลไว้แล้ว ให้คลิก Restore ได้เลย ขั้นตอนจะคล้ายกับการ Update
iTunes จะถามให้เรายืนยันว่า ต้องการ Restore เครื่องหรือไม่ เพราะการ Restore จะเป็นการล้างข้อมูลใน iPhone ทั้งหมด ให้กด Restore and Update

iTunes ยังคงจะถามซ้ำสอง เพื่อให้เราแน่ใจ ว่าจะ Restore เครื่องจริง ๆ ให้กด Restore



หลังจาก Restore เสร็จแล้ว iTunes จะแสดงหน้าจอดังนี้ ให้กด OK หรือรอจนกว่าหน้าจอจะหายไป






เมื่อการ Restore เสร็จสิ้น iPhone จะเปิดใหม่เอง แล้ว iTunes จะถามเราว่า เราต้องการทำเครื่องนี้ให้เป็นเครื่องใหม่ (ไม่ต้องลงอะไรเลย) หรือต้องการใช้ข้อมูลจากเครื่องเก่า ดังภาพ
  • Set up as a new iPhone ทำให้ iPhone เครื่องนี้เหมือนตอนซื้อมาใหม่เลย (สำหรับคนที่จะนำไปให้คนอื่นใช้ต่อ, อยากลงโปรแกรมใหม่หมด ฯลฯ)
  • Restore from the Backup of: ________ ให้นำข้อมูลเดิมกลับมาใช้ (สำหรับคนที่จะใช้ข้อมูลเดิม แค่อยาก Restore เพื่อแก้ปัญหาเครื่องรวน, หรือคนที่ซื้อเครื่องใหม่มาใช้ แล้วอยากใช้ข้อมูลเครื่องเก่า)
เมื่อเลือกได้แล้ว ให้คลิก Continue
คำเตือน: กรุณา “อ่าน” สิ่งที่ขึ้นเตือนบนจอให้ดี อย่าสักแต่ว่าจะคลิกเอา ๆ โดยที่ไม่อ่านข้อความใด ๆ ที่ขึ้นมา เพราะปัญหาที่ผ่านมา เกิดจากการที่ผู้ใช้ไม่ยอมอ่านสิ่งที่อยู่บนจอเสียมาก

วิธี Update Firmware และ Restore ตอน 2


ขั้นตอนการทำ

หากเรามั่นใจแล้วว่า เครื่องที่อยู่ในมือของเรา เป็นเครื่อง Official Unlock ก็เริ่ม Update ได้ ดังนี้
ขั้นตอนแรก เสียบ iPhone เข้ากับคอมพิวเตอร์ของเรา เปิดโปรแกรม iTunes ขึ้นมา จะเห็นหน้าจอแบบนี้



คลิกเลือก Update โดยการอัพเดต ข้อมูลในเครื่องจะไม่หายไป วางใจได้





แต่หากมีปุ่ม Check for Update ก็ให้เลือกปุ่มนี้แทน แล้วเลือก Download and Update โปรแกรมก็จะดำเนินการให้แบบเดียวกัน




จากนั้น iTunes จะเข้าสู่ขั้นตอนการดาวน์โหลดไฟล์อัพเดต ดังภาพ



iTunes จะแสดงรายละเอียดในการอัพเดต ว่ามีการปรับปรุงในจุดใดบ้าง
อย่างในภาพด้านล่าง เป็นการอัพเดต iOS 4.3.1 ซึ่งแก้ไขปัญหาของ iPod touch และปัญหาสัญญาณใน iPhone
ในขั้นตอนนี้ เมื่ออ่านรายละเอียดแล้ว ให้กด Next




จากนั้น iTunes จะแสดงข้อตกลงในการอัพเดต ให้คลิก Agree เพื่อยินยอมในข้อตกลง



จากนั้น iTunes จะเริ่มดาวน์โหลดไฟล์อัพเดต ซึ่งอาจจะกินเวลานานพอสมควร ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เน็ตที่ใช้



เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ iTunes จะอ่านไฟล์อัพเดต และทำการอัพเดตให้เรา





ระหว่างการอัพเดต iPhone จะดับไป ไม่ต้องตกใจ
iPhone จะขึ้นลูก Apple เหมือนตอนเปิดเครื่องใหม่ และเริ่มการอัพเดตจนเสร็จเอง






วิธี Update Firmware และ Restore ตอน 1

Firmware คือ ก็คือตัวระบบที่ฝังอยู่ในเครื่องของเรา เป็นระบบพื้นฐานของเครื่อง โดยมีส่วนประกอบอย่าง ระบบโทรศัพท์ การเชื่อมต่อต่าง ๆ 

ปัจจุบัน iPhone ใช้ระบบที่มีชื่อว่า "iOS" (อ่านว่า ไอ-โอ-เอส)
 โดยได้ออกเวอร์ชัน 4 มาเมื่อกลางปี 2010 พร้อมกับ iPhone 4 นั่นเอง...
แรกเริ่มเดิมที iOS มีชื่อว่า "iPhone OS" (iPhone Operating System หรือ ระบบปฏิบัติการของ iPhone) แต่ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปเนื่องมาจากมีอุปกรณ์อื่น อย่าง iPod touch, iPad และ Apple TV ต่างก็ใช้ระบบนี้ด้วย
iOS ถูกพัฒนามาจากฐานระบบที่ชื่อ Darwin ซึ่งเป็นฐานเดียวกับระบบปฏิบัติการ Mac OS X (อ่านว่า แม็ค-โอ-เอส-เท็น) ที่มีความเสถียรและความปลอดภัยสูง จึงมั่นใจได้ว่า โอกาสที่ระบบจะงอแง หรือถูกโจมตีจากไวรัส มีน้อยมาก เว้นแต่ผู้ใช้จะไป Jailbreak ทำลายภูมิคุ้มกันระบบเสียเอง
ทำไมจึงต้อง Update Firmware



เหตุผลที่เราต้องอัพเดต Firmware ของ iPhone (หรือ iPod touch และ iPad) มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
  • อัพเดตเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครื่อง จะได้ไม่มีแฮคเกอร์ใช้ช่องโหว่โจมตีเข้ามา
  • อัพเดตเพื่อเพิ่มความสามารถ หรือประสิทธิภาพเครื่อง เช่น อัพเดตแล้วเครื่องจะกินไฟน้อยลง ดึงความสามารอุปกรณ์มาใช้ได้ดีกว่าเดิม
  • อัพเดตเพื่อให้ใช้งานโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ บางโปรแกรมที่มีความสามารถเพิ่มขึ้น ก็ต้องใช้ระบบที่ใหม่ขึ้นเช่นกัน เช่น Adobe Photoshop Express ต้องใช้ iOS 4.2 ขึ้นไป เป็นต้น

ตรวจสอบเวอร์ชันของเครื่องเราได้ที่ไหน?

หากต้องการทราบว่าเครื่องเราใช้ iOS เวอร์ชันอะไร ให้ไปที่ ตั้งค่า > ทั่วไป > เกี่ยวกับ (Settings > General > About) แล้วดูที่ เวอร์ชัน (Version) จะเห็นตัวเลข เช่น 4.0 (8A293) หมายความว่า เป็นเวอร์ชัน 4.0 มีรหัสพัฒนา 8A293 (รหัสพัฒนาของรุ่นตัวจริง กับรุ่นที่ยังไม่สมบูรณ์ (Beta) จะต่างกัน)



ตรวจสอบการปลดล็อคของเครื่อง (เฉพาะ iPhone เท่านั้น)

**ข้อยกเว้น** iPod touch และ iPad ทุกเครื่อง ไม่มีการล็อคเครื่อง สามารถข้ามขั้นตอนนี้ ไปอัพเดตได้ทันที ไม่ต้องเช็ครหัสอุปกรณ์
เมื่อรู้เวอร์ชันของระบบแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการอัพเดต ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เครื่องศูนย์ในประเทศไทยทุกเครื่อง เป็นเครื่อง Official Unlock (ใช้ได้กับทุกเครือข่าย) สามารถอัพเดตได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
แต่เครื่องหิ้ว ส่วนใหญ่ เป็นเครื่อง Lock หรือจำกัดเครือข่าย ไม่ให้ใช้งานได้นอกเหนือจากเครือข่ายที่ขาย ดังนั้น ถ้าเครื่องหิ้วที่ล็อคเครือข่าย เผลอไปอัพเดตเวอร์ชันเอง จะทำให้ iPhone โทรออกไม่ได้ แล้วกลายเป็นที่ทับกระดาษราคาแพงไป
การตรวจสอบว่า เครื่องของเราเป็นเครื่อง Official Unlock หรือไม่ ให้ไปที่ ตั้งค่า > เกี่ยวกับ > โมเดล (Settings > About > Model) จะเห็นรหัส ดังต่อไปนี้




MC603TH แปลว่า เป็น iPhone 4 รุ่น 16GB สีดำ (MC603) เครื่องศูนย์จากประเทศไทย (TH)
MC604TH
 แปลว่า เป็น iPhone 4 รุ่น 16GB สีขาว (MC604) เครื่องศูนย์จากประเทศไทย (TH)
MC605TH
 แปลว่า เป็น iPhone 4 รุ่น 32GB สีดำ (MC605) เครื่องศูนย์จากประเทศไทย (TH)
MC606TH
 แปลว่า เป็น iPhone 4 รุ่น 32GB สีขาว (MC606) เครื่องศูนย์จากประเทศไทย (TH)
(นอกจากนั้น ยังมีรหัสที่ขึ้นต้นด้วย MB แสดงว่าเป็น iPhone 3G และ iPhone 3GS แล้วแต่รุ่น)
หลังจากตัวเลขสามหลัก จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษตามหลัง โดยรายชื่อประเทศด้านล่าง ต่อไปนี้ คือประเทศที่ขาย iPhone แบบ Official Unlock สามารถอัพเดต Firmware ได้อย่างปลอดภัย


  • AB (สาธารณรัฐอาหรับอิมิเรตส์, ซาอุดิอาระเบีย)
  • CZ (สาธารณรัฐเช็ก)
  • GR (กรีซ)
  • NF (เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก)
  • RS (รัสเซีย)
  • SL (สโลวาเกีย)
  • SO (แอฟริกาใต้)
  • T (อิตาลี)
  • TA (ไต้หวัน)
  • TH (ไทย)
  • TU (ตุรกี)
  • X (ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์)
  • ZA (สิงคโปร์, มาเลเซีย)
  • ZP (ฮ่องกง, มาเก๊า)
เฉพาะ iPhone เครื่องศูนย์ประเทศไทย (รหัส TH) เท่านั้น ที่มีการรับประกันในประเทศไทย และสามารถนำเข้าศูนย์บริการได้ในระยะเวลา 1 ปีหลังจากซื้อเครื่อง
หากเป็นเครื่อง iPhone ประเทศอื่น จะต้องนำไปเข้าศูนย์บริการที่ประเทศนั้น ๆ เพราะ iPhone มีการรับประกันแบบ Local (เฉพาะในประเทศที่ซื้อ) ไม่เหมือนกับ Mac, iPod และ iPad ที่รับประกัน Worldwide (ทั่วโลก) เข้าศูนย์ที่ใดก็ได้
ดูวิธีการตรวจสอบการรับประกันของเราได้ที่ ”วิธีการตรวจสอบประกันของ iPhone ด้วยตนเอง
**ข้อยกเว้น** เครื่องเคลมจากศูนย์ประเทศไทย ถึงจะมีรหัสรุ่นลงท้ายด้วย LL ก็ถือว่าเป็นเครื่อง Official Unlock เพราะมาจากประเทศไทย
แต่เครื่องหิ้วจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ปกติมีรหัสรุ่นลงท้ายด้วย LL ถือเป็นเครื่อง Lock

**อัพเดต** บางเครื่องจากสหรัฐฯอาจจะมีการ Unlock มาแล้ว หลังจากที่ Apple เริ่มขายเครื่อง Unlock ในสหรัฐฯไปพร้อมกับเครื่อง Lock เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา